โด่งดังมาซักพักกับสารสกัดจากสาหร่ายสีแดงสแกนดิเนเวีย หรือที่รู้จักกันในชื่อของ“แอสตาแซนทีน” (Astaxanthin) จนทำให้ตลาดอาหารเสริมต้านอนุมูลอิสระกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะครั้งนี้ แอสตาแซนทีนมาแรง เคลมเร็ว บอกเลยว่าแอสตาแซนทีนเค้ามีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ ได้แรงกว่าวิตามินซี 6000 เท่า แรงกว่าโคเอมไซม์ คิวเท็น 800 เท่า แรงกว่าวิตามินอีและชาเขียว 550 เท่า แรงกว่ากรดแอลฟาไลโปอิก 75 เท่า แรงกว่าเบต้าแคโรทีน 40 เท่า และแรงกว่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่น 17 เท่า เล่นเอาสารต้านอนุมูลอิสระเดิมๆ ชิดซ้ายกันไปเลยเพราะถ้าเปรียบเทียบราคากันแล้ว การกินแอสตาแซนทีนให้ผลกับหลากหลายระบบในร่างกายมากกว่า เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายทั้งในชั้นน้ำและไขมัน และยังให้ผลต้านอนุมูลอิสระทั้งในเซลล์และนอกเซลล์อีกด้วย แอสตาแซนทีนเลยเป็นนางเอกสวยกว่าเหนือกว่าสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นไปโดยปริยาย แถมยังมีงานวิจัยที่การรับประทานแอสตาแซนทีนขนาดสูงถึง 45 มก. ต่อเนื่องกันนานๆ แล้วยังปลอดภัยอีกด้วย
ถามต่อว่าแล้วกินสารต้านอนุมูลอิสระกันไปทำไม อ่านมาตั้งนานไม่เห็นเข้าใจ กินแล้วได้ผลอะไร เปลืองเงินโดยเปล่าประโยชน์หรือเปล่า อยากบอกว่าเพราะอนุมูลอิสระนี่ล่ะค่ะ ที่เป็นสาเหตุของการเสื่อมของเซลล์ทุกชนิดในร่างกาย ทำให้เซลล์เราตายไปทีละเซลล์ทีละเซลล์ อนุมูลอิสระมากับแสงแดด แสงจ้า มลภาวะ บุหรี่ ควันพิษ การรับประทานอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ ฯลฯ อธิบายง่ายๆ ว่าอนุมูลอิสระที่เข้าไปในร่างกาย 1 ตัวก็จะเข้าไปทำลายเซลล์เราให้แตกให้ถูกทำลายไปทีละเซลล์ๆ ให้เซลล์เสื่อมสภาพเพราะตัวมันไม่มีอิเล็กตรอนเป็นส่วนประกอบ มันเลยเข้าไปขโมยอิเล็กตรอนของเซลล์ปรกติในร่างกายของเราไปเรื่อยๆ เซลล์เราโดนขโมยอิเล็กตรอนไปก็แตกก็ตายไปทุกวันๆ เซลล์ที่แตก เสื่อมสลายตายไปทุกวันแบบนี้แหละเป็นสาเหตุของความเสื่อมสภาพของร่างกายต่างๆ เช่น การแก่ การเหี่ยว การเกิดริ้วรอยร่องลึกต่างๆ ความหมองคล้ำที่เห็นชัดๆ บนใบหน้า ผมที่หงอกเร็วๆ ก่อนวัย (ถ้าไม่แพ้ผมเป็นกรรมพันธุ์กันมานะคะ) จอตาเสื่อม เส้นเลือดไม่แข็งแรง กระทั่งร้ายแรงสุดๆ คือการเกิดเซลล์ที่ผิดปรกติในร่างกายอย่างมะเร็งค่ะ
หลายคนคงนึกค้านในใจว่าแล้วสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติอื่นๆ ไม่มีหรือไง ทานจากธรรมชาติก็ได้ผลเหมือนกันหรือเปล่า ทานผักผลไม้มีประโยชน์ก็เพียงพอแล้วไหม อยากบอกว่าจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติตัวไหนไหนในโลกโค่นแชมป์ความแรง ความแข็งแรง ความมีประสิทธิภาพ และงานวิจัยเจ๋งๆ ของแอสตาแซนทีนได้ลงเลย เพราะสารต้านอนุมูลอิสระที่มีมาในโลกก่อนหน้าหน้านี้ บางตัวละลายในน้ำอย่างเดียว บางตัวละลายในไขมันอย่างเดียว บางตัวทำงานนอกเซลล์ บางตัวก็ทำงานแค่ในเซลล์ แต่แอสตาแซนทีนสิครบสุดๆ ออกฤทธิ์มันทุกที่ทุกทาง แถมยังได้มาจากธรรมชาติ ปลอดภัยถ้าต้องรับประทานในระยะยาวอีกต่างหาก
แต่ๆๆ พอของมันดีขนาดนี้แล้ว ก็มีคนหัวใสในตลาดวัตถุดิบสำหรับผลิตอาหารเสริมของโลก ผลิตแอสตาแซนทีนมันจากห้องแล็ปซะเลย สังเคราะห์แอสตาแซนทีนมันซะเลยจะได้ถูก เร็ว ขายได้ อยากบอกว่าแอสตาแซนทีนสังเคราะห์ไม่ได้ให้ผลดีเท่ากับแอสตาแซนทีนที่เลี้ยงตามธรรมชาติหรอกนะคะ ผลการต้านสารอนุมูลอิสระต่างกันถึง 3 เท่าทีเดียว แถมความปลอดภัยจากสารปนเปื้อนใดๆ ยังต่างกันด้วย แอสตาแซนทีนที่ดีจึงต้องได้มาจากสาหร่ายสีแดงที่เลี้ยงตามธรรมชาติในระบบปิดในระยะเวลาที่พอเหมาะ ถามว่าแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าแอสตาแซนทีนเจ้าไหนมาจากธรรมชาติล่ะ ต้องเลือกยี่ห้อค่ะ บางยี่ห้อที่มิลลิกรัมสูงๆ แล้วยังถูกได้ ส่วนใหญ่สังเคราะห์เกือบทั้งนั้น ตอนนี้ อย.ไทย อนุมัติผ่าน แอสตาแซนทีนให้ขายในประเทศสูงสุดที่ 4 มิลลิกรัมต่อเม็ดเท่านั้น ซึ่งก็อยู่ในปริมาณที่ปลอดภัยและเพียงพอต่อการรับประทานต่อวันและออกฤทธิ์ได้ครบเกือบทุกระบบแล้วค่ะ ตอนนี้มีข่าวหลายยี่ห้อทำแอสตาแซนทีนปลอมออกมาขายมิลลิกรัมสูงๆ เพราะตลาดต้องการมาก
เลือกยี่ห้อแอสตาแซนทีนรับประทานจึงควรเลือกจากยี่ห้อหรือตราสินค้าที่ได้รับการรับรองจาก อย.ไทย มีเลขที่ อย. เรียบร้อยแล้วค่ะ เพื่อความปลอดภัยและเพื่อให้แน่ใจว่าแอสตาแซนทีนที่ทานเข้าไปนั้นเป็นสารที่ปลอดภัยได้ประสิทธิภาพจริงๆ