ช่วงนี้มีโฆษณาทีวีสินค้าแอสตาแซนทีนออกมาหลายตัว ลูกค้ามีคำถามเรื่องการใช้แอสตาแซนทีนเข้ามาในหลากหลายช่องทาง หลายคำถามน่าสนใจและน่าจะเป็นประโยชน์กับลูกค้าท่านอื่นๆ ด้วย ผู้เขียนขออนุญาตลูกค้านำคำถามใดๆ มาฝากลูกค้าท่านอื่นๆ ด้วยค่ะ
1. แอสตาแซนทีนแบบทาให้ผลเหมือนแบบกินไหม
ตอบ งานวิจัยในต่างประเทศที่มีการใช้แอสตาแซนทีนแบบทา ส่วนใหญ่มีการใช้ควบคู่กับการกินแอสตาแซนทีนด้วยจึงจะเห็นผลชัดเจนหลังจากการใช้ต่อเนื่องไปประมาณ 6-8 สัปดาห์ ผู้เขียนจึงไม่สามารถรับรองผลของการใช้แอสตาแซนทีนในรูปแบบทา (Astaxanthin Topical-Skincare) เพียงอย่างเดียว แต่ในแง่ของการดูดซึมในระดับผิว เนื่องจากแอสตาแซนทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมันทำให้รูปแบบของแอสตาแซนทีนที่ผสมในครีมดูดซึมได้ดีลงในชั้นผิวที่ประกอบด้วยไขมันเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยปริมาณและความลึกในการดูดซึมแล้วก็อาจจะทำให้แอสตาแซนทีนในรูปแบบทา ช่วยปกป้องอนุมูลอิสระหรือฟื้นฟูริ้วรอยได้ในระดับของผิวชั้นนอกเท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปปกป้องอวัยวะภายในอื่นๆ ได้เหมือนแอสตาแซนทีนในรูปแบบกิน
2. แอสตาแซนทีนที่ผสมน้ำมันตับปลา หรือ น้ำมันมะกอก ต่างจากแอสตาแซนทีนในรูปแบบที่เป็นผงอย่างไรบ้าง
ตอบ จากงานวิจัยหลากหลายชิ้น จริงอยู่ที่แอสตาแซนทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในน้ำมันจนทำให้บางยี่ห้อนำไปผสมกับน้ำมันหลากหลายชนิดเพื่อหวังผลของการดูดซึมในระหว่างรับประทานและให้ประโยชน์ของแอสตาแซนทีนร่วมกับประโยชน์ของน้ำมันนั้นๆ แต่จริงๆ แล้วการรับประทานแอสตาแซนทีนร่วมกับอาหารหรือหลังอาหารในแต่ละมื้อ ไขมันที่เป็นส่วนประกอบของอาหารก็มีผลช่วยการดูดซึมของแอสตาแซนทีนอยู่แล้ว การรับประทานแอสตาแซนทีนในรูปแบบของน้ำมันหรือผงก็ให้ผลการดูดซึมที่ไม่แตกต่างกันมากนักในกรณีรับประทานพร้อมกับอาหาร แล้วถามว่าทำไมบางยี่ห้อต้องทำออกมาในรูปแบบของผงแห้งใส่ในแคปซูลแบบแข็ง (Hard gelatin capsule) เพราะเนื่องจากความสะดวกในรูปแบบพกพาที่ไม่แตกง่ายและอยู่ในเม็ดแคปซูลเล็กที่ทานสะดวกต่อการพกพาและการกลืนยาในผู้ที่ไม่ชอบทานแคปซูลเม็ดใหญ่ๆ แอสตาแซนทีนที่สกัดจากสาหร่ายแดงในรูปแบบผงยังมีความสามารถในการกระจายตัวในน้ำได้ดี ผสมกับน้ำหรือเครื่องดื่มรับประทานได้ในกรณีที่เป็นมังสวิรัติ
3. ทานแอสตาแซนทีนมาหลายสัปดาห์แล้ว ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงให้เห็นชัด เกินขึ้นเพราะอะไร
ตอบ การรับประทานแอสตาแซนทีนขนาด 4 มก.ต่อวันเพื่อผลการบำรุงผิว ต่อเนื่องนาน 4-6 สัปดาห์ การเห็นผลในระดับผิวจริงๆ จากงานวิจัย ผู้รับประทานต้องตรวจสภาพผิวจากเครื่องมือตรวจผิว หรือ ตรวจในห้องทดลองก็จะสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนมากขึ้น แต่ถ้าอยากได้ผลที่สามารถเห็นด้วยตาเปล่า จากประสบการณ์ของผู้เขียน ลูกค้าที่รับประทานจะบอกว่าเมื่อรับประทานไปประมาณ 2-4 สัปดาห์ผิวจะเริ่มนุ่ม ชุ่มชื้น และเรียบเนียนขึ้น บางคนทาโลชั่นน้อยลง โทนสีของผิวจะปรับให้สม่ำเสมอมากขึ้น เห็นชัดจากผิวหน้า บางคนแต่งหน้าติดมากขึ้น เติมแป้งระหว่างวันน้อยลง บางคนที่มีอาการตาคล้ำรับประทานแอสตาแซนทีนขนาด 4 มก.ไป 4-6 สัปดาห์ อาการตาคล้ำ ใต้ตาเป็นหมีแพนด้าก็ดีขึ้นชัดเจน ทั้งนี้ผลที่เกิดขึ้นกับแต่ละคนก็ขึ้นกับสภาพผิวเดิมของลูกค้าและการเจอกับอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของแต่ละคนค่ะ ว่าเราสามารถดีขึ้นได้เร็วแค่ไหน
4. เห็นบอกว่าแอสตาแซนทีนให้ผลในการต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินซี 6,000 เท่าแล้วเรายังต้องรับประทานวิตามินซีอยู่ไหม แล้วถ้าได้เรากินวิตามินซีพร้อมกับแอสตาแซนทีนได้หรือเปล่า
ตอบ ถึงแม้ว่าจากงานวิจัย แอสตาแซนทีนจะให้ค่าการต้านอนุมูลอิสระที่สูงกว่าวิตามินซีถึง 6,000 เท่าแต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ในส่วนของการต้านอนุมูลอิสระ(ค่า ORAC) เท่านั้น การทำงานในด้านอื่นๆ เช่น ฤทธิ์ในการเสริมภูมิต้านทานหรือเสริมการดูดซึมของคอลลาเจน แอสตาแซนทีนก็ไม่สามารถทำได้เหมือนที่วิตามินซีสามารถทำได้ ลูกค้าที่ต้องการผลอื่นๆ ของวิตามินซีอยู่ก็สามารถทานวิตามินซีต่อได้ปรกติโดยไม่ต้องกังวลถึงผลของการขัดขวางหรือรบกวนกันของแอสตาแซนทีนกับวิตามินซีค่ะ
5. วิตามินซีมีผลช่วยการทำงาน/การดูดซึมของคอลลาเจน แล้วแอสตาแซนทีนมีผลเหมือนกันไหม
ตอบ สืบเนื่องจากข้อ 4 ค่ะ แอสตาแซนทีนให้ผลของการต้านอนุมูลอิสระ (ORAC) ที่มากกว่าวิตามินซี 6,000 เท่าก็จริง แต่ไม่สามารถแทนที่ฤทธิ์อื่นๆ ที่วิตามินซีทำได้เสียทั้งหมดรวมถึงฤทธิ์ที่ช่วยการทำงาน/การดูดซึมของคอลลาเจนด้วยค่ะ แต่แอสตาแซนทีนกับคอลลาเจนก็แอบมีพลังร่วมกันในการฟื้นฟูสภาพผิวร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพได้ โดยคอลลาเจนจะตรงเข้าฟื้นฟูคอลลาเจนใต้ผิวที่เสื่อม แล้วแอสตาแซนทีนก็ทำการปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ทำให้คอลลาเจนใหม่คงสภาพรักษาความชุ่มชื่นให้ผิวเต่งตึงต่อไปได้ ซ่อมคอลลาเจนเก่า ปกป้องคอลลาเจนใหม่นี่เป็นหน้าที่ที่แอสตาแซนทีนและคอลลาเจนสามัคคีกันได้ค่ะ จึงทำให้มียี่ห้อหนึ่งในท้องตลาด คือ แบรนด์ อินเนอร์ไชน์ รูบี้ซิกเนเจอร์นำคอลลาเจนมาผสมกับสารสกัดจากสาหร่ายสีแดงสแกนดิเนเวียเพื่อให้การฟื้นฟูผิวดีขึ้น เห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่าเพียง 2 สัปดาห์ ในแง่นี้ก็อาจจะเป็นผลดีมากกว่าการทานแอสตาแซนทีนเดี่ยวๆ โดยเฉพาะผู้ที่อายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไปที่งานวิจัยระบุว่าคอลลาเจนจะลดลง 1% ทุกๆ 1 ปี